อาจารย์เมย์ ซินแสฮวงจุ้ยชื่อดัง พาทีมงานและลูกศิษย์ไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชื่อดังในกรุงเทพ เสริมดวง เสริมบารมี ทริปไหว้พระขอพร
วันที่ 25 มกราคม 2567 อาจารย์เมย์ พาทีมงาน พร้อมลูกศิษย์ เดินทางไปยังศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร เพื่อไหว้พระขอพร อาจารย์เมย์และคณะเดินทางมาถึงศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานครในเวลาประมาณ 09.29 น. ทุกคนต่างแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาวสะอาดสะอ้าน ใบหน้าเปื้อนยิ้มด้วยความเบิกบานใจ
ศาลหลักเมือง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง โดยเชื่อว่าเสาหลักเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องคุ้มครองเมืองและผู้คนให้อยู่เย็นเป็นสุข ศาลหลักเมืองในประเทศไทยมักตั้งอยู่ใจกลางเมือง หรือสถานที่สำคัญอื่นๆ ของเมือง
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บริเวณมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เพื่อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ศาลหลักเมืองแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยไม้สักแกะสลักอย่างสวยงาม ภายในประดิษฐานเสาหลักเมือง ซึ่งทำจากไม้ราชพฤกษ์ สูง 30 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.9 เมตร
อาจารย์เมย์นำคณะเดินขึ้นบันไดศาลหลักเมือง เพื่อสักการะเสาหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวไทย อาจารย์เมย์จุดธูปเทียนบูชาเสาหลักเมือง พร้อมกล่าวคำขอพรให้ทีมงานทุกคนและลูกศิษย์ทุกคน ให้มีสุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จในชีวิต มีความสุขสมหวังในทุกๆ ด้าน
หลังจากเสร็จสิ้นการสักการะเสาหลักเมืองแล้ว อาจารย์เมย์และคณะก็เดินไปสักการะพระพรหม พระนารายณ์ พระพิฆเนศ และเทพเจ้าอื่นๆ ภายในศาลหลักเมือง
ทุกคนต่างอธิษฐานขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลให้คำขอพรของทุกคนเป็นจริง
ลูกศิษย์และประชาชนทั่วไป
ต่างเห็นดีใจที่ได้พบอาจารย์เมย์ และได้รับคำแนะนำในการไหว้พระขอพรอย่างถูกต้อง ทุกคนต่างเชื่อว่า คำขอพรของพวกเขาจะสัมฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน
อาจารย์เมย์ได้แนะนำการไหว้พระขอพรที่ศาลหลักเมืองไว้ดังนี้
แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย
เตรียมดอกไม้ ธูป เทียน ผลไม้ และปัจจัยอื่นๆ ในการสักการะ
จุดธูป เทียน ดอกไม้ ถวาย
ประนมมือไหว้
กล่าวคำบูชาศาลหลักเมือง
อธิษฐานขอพร
กรวดน้ำ
คำบูชาศาลหลักเมือง
"นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
ข้าพระพุทธเจ้าขอนมัสการศาลหลักเมือง พระภูมิ เจ้าที่ เจ้าทาง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่อยู่ ณ ที่นี้ ขอพระองค์ทรงโปรดดลบันดาลให้ข้าพระพุทธเจ้าและครอบครัว จงมีแต่ความสุข ความเจริญ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ประสบแต่ความสำเร็จในชีวิต เทอญ"
นอกจากนี้ อาจารย์เมย์ยังได้แนะนำเคล็ดลับในการเสริมดวงชะตาให้อีกด้วย ดังนี้
ตั้งใจทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่น
รักษาศีล ๕
ไหว้พระขอพรเป็นประจำ
บริจาคทาน
อาจารย์เมย์กล่าวว่า "การไหว้พระขอพรเป็นประเพณีอันดีงามของไทย เป็นการแสดงความกตัญญูต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และเป็นการขอพรให้ตนเองและครอบครัวมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จในชีวิต"
ลูกศิษย์และประชาชนทั่วไปต่างได้รับคำแนะนำจากอาจารย์เมย์ด้วยความตั้งใจและขอบคุณอาจารย์เมย์ที่ช่วยเสริมสร้างกำลังใจและแรงบันดาลใจให้กับพวกเขา
การไหว้พระขอพรที่ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นประเพณีอันดีงามที่ชาวไทยสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เป็นการแสดงความกตัญญูต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และเป็นการขอพรให้ตนเองและครอบครัวมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จในชีวิต
หลังจากสักการะเสาหลักเมืองกรุงเทพมหานครแล้ว อาจารย์เมย์และคณะก็เดินทางต่อไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เพื่อไหว้พระขอพร
อาจารย์เมย์และคณะเดินทางมาถึงวัดพระแก้วในเวลาประมาณ 10.00 น.
ทุกคนต่างแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาวสะอาดสะอ้าน ใบหน้าเปื้อนยิ้มด้วยความเบิกบานใจ
อาจารย์เมย์นำคณะเดินเข้าไปในวัดพระแก้ว เพื่อสักการะพระแก้วมรกต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวไทย
พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (หรือ วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร
ประัวัติความเป็นมา
พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหยกอ่อนเนไฟรต์สีเขียวดั่งมรกต เป็นพระพุทธรูปสกุลศิลปะก่อนเชียงแสนถึงศิลปะเชียงแสน หลักฐานที่ตรงกันระบุว่าพบครั้งแรก ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์วัดป่าญะ ตำบลเวียง เมืองเชียงราย (ปัจจุบันคือ วัดพระแก้ว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย) ในปี พ.ศ. 1977 (หรือ ค.ศ. 1434) ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิก (จมูก) เกิดกะเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต จึงกะเทาะปูนออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์
พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 19 นิ้ว ความสูง 28 นิ้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือรัชกาลที่ 1 ได้อัญเชิญองค์พระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันจันทร์ เดือน 4 แรม 14 ค่ำ ปีมะโรง พ.ศ. 2327
พระแก้วมรกตมีพุทธลักษณะงดงามวิจิตรตระการตา เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทยมาช้านาน เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เชื่อกันว่าหากได้สักการะพระแก้วมรกตแล้ว จะได้รับความสุข ความเจริญ และเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
"พระแก้วมรกต" เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร เป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยมาช้านาน
การสักการะพระแก้วมรกตมีขั้นตอนดังนี้
นอกจากนี้ พระแก้วมรกตยังเป็นสัญลักษณ์ของชาติไทย แสดงถึงความเป็นเอกราชและอธิปไตยของไทยอีกด้วย
การสักการะ
แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย
เตรียมดอกไม้ ธูป เทียน ผลไม้ และปัจจัยอื่นๆ ในการสักการะ
ยืนตรงด้านหน้าพระแก้วมรกต
ประนมมือไหว้
กล่าวคำบูชาพระแก้วมรกต
อธิษฐานขอพร
กรวดน้ำ
คำบูชาพระแก้วมรกต
"นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
ข้าพระพุทธเจ้าขอนมัสการพระแก้วมรกต พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ขอพระองค์ทรงโปรดประทานพรให้ข้าพระพุทธเจ้าและครอบครัว จงมีแต่ความสุข ความเจริญ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ประสบแต่ความสำเร็จในชีวิต เทอญ"
หลังจากกราบสักการะพระแก้วมรกตแล้ว ควรกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย
คำกรวดน้ำ
"อิทัง เม ญาติปิตา โคตมาจารย์ อุปัชฌายา ครูบาอาจารย์ ญาติมิตร อุปการคุณ ทั้งหลาย จงรับผลบุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งใจบูชาพระแก้วมรกตในครั้งนี้ จงดลบันดาลให้ทุกท่าน จงมีความสุข ความเจริญ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ประสบแต่ความสำเร็จในชีวิต เทอญ"
การสักการะพระแก้วมรกตเป็นการแสดงออกถึงความเคารพศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาและพระมหากษัตริย์ ยังเป็นโอกาสที่ดีในการขอพรให้ตนเองและครอบครัวมีความสุข ความเจริญ ประสบความสำเร็จในชีวิต
อาจารย์เมย์และคณะเดินทางต่อไปยังวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือวัดภูเขาทอง ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดสะแก ต่อมาในหลวงรัชกาลที่ 1 โปรดให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ
อาจารย์เมย์และคณะเดินทางมาถึงวัดสระเกศราชวรมหาวิหารในเวลาประมาณ 14.00 น.
อาจารย์เมย์นำคณะเดินขึ้นบันไดวัดสระเกศ เพื่อสักการะพระบรมบรรพต หรือที่เรียกกันว่าภูเขาทอง ซึ่งเป็นเจดีย์สีทองสูงตระหง่าน ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ประวัติความเป็นมา
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือที่เรียกกันว่า วัดภูเขาทอง เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมชื่อวัดสะแก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ซึ่งแปลว่า ชำระพระเกศา เนื่องจากเคยประทับทำพิธีพระกระยาสนาน (อาบน้ำ) เมื่อตอนเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี และเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติใน พ.ศ. 2325
วัดสระเกศเป็นวัดที่มีความสำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นที่ประดิษฐานพระบรมบรรพต หรือที่เรียกกันว่าภูเขาทอง ซึ่งเป็นเจดีย์สีทองสูงตระหง่าน ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอันเป็นพระธาตุสำคัญของพระพุทธศาสนา พระบรมบรรพตได้รับยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร และเป็นหนึ่งในเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย
นอกจากพระบรมบรรพตแล้ว วัดสระเกศยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสถานที่สำคัญอื่นๆ อีกมากมาย เช่น พระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ หอระฆัง หอพระไตรปิฎก พิพิธภัณฑ์วัดสระเกศ เป็นต้น
การสักการะวัดสระเกศมีขั้นตอนดังนี้
แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย
เตรียมดอกไม้ ธูป เทียน ผลไม้ และปัจจัยอื่นๆ ในการสักการะ
เดินขึ้นบันได 344 ขั้น เพื่อขึ้นไปสักการะพระบรมบรรพต
สักการะพระบรมสารีริกธาตุ
สักการะพระพุทธรูปปางต่างๆ ในพระอุโบสถ
สักการะพระประธานในพระวิหาร
สักการะพระเกจิอาจารย์และครูบาอาจารย์ที่ประดิษฐานอยู่ในวัด
หลังจากสักการะวัดสระเกศแล้ว ควรกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย
คำกรวดน้ำ
"อิทัง เม ญาติปิตา โคตมาจารย์ อุปัชฌายา ครูบาอาจารย์ ญาติมิตร อุปการคุณ ทั้งหลาย จงรับผลบุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งใจบูชาพระธาตุและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในวัดสระเกศในครั้งนี้ จงดลบันดาลให้ทุกท่าน จงมีความสุข ความเจริญ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ประสบแต่ความสำเร็จในชีวิต เทอญ"
การสักการะวัดสระเกศเป็นการแสดงออกถึงความเคารพศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาและพระมหากษัตริย์ ยังเป็นโอกาสที่ดีในการขอพรให้ตนเองและครอบครัวมีความสุข ความเจริญ ประสบความสำเร็จในชีวิต
อาจารย์เมย์และทีมงานเดินทางต่อไปยังวัดทิพยวารีวิหาร หรือที่เรียกกันว่า วัดกัมโล่วยี่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยกรุงธนบุรี เดิมชื่อวัดน้ำทิพย์ เชื่อกันว่ามีบ่อน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในวัด
อาจารย์เมย์ได้พาทีมงานและลูกศิษย์ไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ภายในวัด ได้แก่
เทพมังกรเขียว แชเล่งเอี้ย เทพารักษ์ผู้รักษาบ่อน้ำทิพย์
เทพปรองดอง หรือเทพแห่งความรัก เชื่อกันว่าช่วยให้คู่รักรักกันยืนยาว
เทพขุนพลเอี่ยยิ่ม เชื่อกันว่าช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เชื่อกันว่าช่วยให้ประสบความสุขความเจริญ
หลวงจีนคณาณัติจีนพรต (เย็นบุญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดทิพยวารีวิหาร
นอกจากนี้ อาจารย์เมย์ยังได้พาทีมงานและลูกศิษย์ไปแก้ปีชงตามความเชื่อของชาวจีน โดยการทำพิธีสะเดาะเคราะห์และถวายเครื่องสังเวยต่างๆ ให้กับเทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ย ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ดูแลดวงชะตาของแต่ละคน
อาจารย์เมย์กล่าวว่า "ปีใหม่นี้ อาจารย์ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุข ความเจริญ ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน สำหรับการแก้ปีชงนั้น เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล แต่หากเราทำด้วยความศรัทธา เชื่อกันว่าจะช่วยเสริมดวงชะตาให้ดีขึ้นได้"
ทีมงานและลูกศิษย์ทุกคนต่างรู้สึกดีใจที่ได้เดินทางไปไหว้พระขอพรที่วัดทิพยวารีวิหาร ทุกคนต่างเชื่อว่า คำขอพรของพวกเขาจะสัมฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน
อาจารย์เมย์และทีมงานเดินทางกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส อิ่มเอิบไปด้วยความสุขที่ได้ร่วมทริป บุญในครั้งนี้ ทุกคนต่างรู้สึกประทับใจที่ได้มีโอกาสไปไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ทั้ง 4 สถานที่สำคัญ และได้ทำบุญเพื่อเสริมสร้างบารมี เริ่มต้นสิ่งดีๆ 2567 ให้กับตนเองและครอบครัว
อาจารย์เมย์ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "การไหว้พระขอพรเป็นประเพณีอันดีงามของไทย เป็นการแสดงความกตัญญูต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และเป็นการขอพรให้ตนเองและครอบครัวมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จในชีวิต"
สำหรับทริปนี้ อาจารย์เมย์ หรือ ดร.ภารุดารัศมิ์ เบญญจินดาพิศุทธ์ ซินแสฮวงจุ้ยแก้ดวงชื่อดังของประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันดี ที่มีลูกศิษย์กว่า 35 ประเทศทั่วโลก จากความสามารถอาจารย์เมย์ ในการแก้ฮวงจุ้ย, เสริมดวงให้ลูกศิษย์ ให้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ เช่น การเงิน ความรัก การงาน สุขภาพ ฯลฯ
อาจารย์เมย์ได้นำทีมงาน และลูกศิษย์ไปไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ 4 แห่ง ได้แก่
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง)
และวัดทิพยวารีวิหาร (วัดกัมโล่วยี่)
โดยในแต่ละแห่งล้วนมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนให้ความเคารพศรัทธา
อีกทั้งยังมอบของที่ระลึกให้กับ FC ลูกศิษย์ที่มาร่วมทริปไหว้พระขอพรร่วมกัน อาทิเช่น
โมบายฮวงจุ้ย รุ่นเงินไหลมา
จี้นกคุ้ม รุ่นแคล้วคลาดชนะมาร
น้ำหอม (มงคล) พลังแรงรัก
การ์ดท้าวเวสสุวรรณ เงินขวัญถุง
และร่วมถ่ายภาพร่วมกัน ก่อนแยกย้ายกลับบ้าน ในเวลา 18.29 น.
ลูกศิษย์และประชาชนทั่วไปต่างเห็นดีใจที่ได้พบอาจารย์เมย์และได้รับคำแนะนำในการไหว้พระขอพรอย่างถูกต้อง ทุกคนต่างเชื่อว่า คำขอพรของพวกเขาจะสัมฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน
. --------------------------
ติดต่อสอบถาม 094-1644661 ที่ปรึกษา/เลขา
082-5414669 เลขา 061-2651591 เลขา
092-6154241 เลขา เว็บไซต์ : www.ajanmay.com
Comments