ฤกษ์มงคล 2566
วันดีปี 2566 ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม มีวันฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล ที่เหมาะกับการเป็นฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2566 หรือประกอบพิธีมงคลต่าง ๆ อาทิ การทำบุญบ้าน ปลูกบ้าน หรือสร้างบ้าน อยู่หลายวัน
มีวันไหนบ้าง อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจในด้านความหมายของฤกษ์นั้น ๆ เพื่อจะได้เลือกอย่างเหมาะสม ตรงกับความต้องการของตนเอง โดยทั่วไปแล้ว “ฤกษ์” คือ เวลา ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ไทยการทำสิ่งใดก็ตามภายใต้ฤกษ์ที่ดีย่อมส่งผลเชิงบวก เป็นสิริมงคล ซึ่งบูรณะฤกษ์ หรือฤกษ์สำหรับงานมงคลจะแบ่งออกได้ 4 ฤกษ์
มหัทธโณฤกษ์ คือ ฤกษ์ที่เหมาะกับการจัดงานมงคล เช่น งานแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ลงเสาเอก ปลูกสร้างอาคาร เปิดร้าน เปิดธุรกิจ จะช่วยให้เกิดความก้าวหน้า รุ่งเรือง มีเงินทองไหลมาเทมาแบบไม่ขาดมือ
ภูมิปาโลฤกษ์ คือ ฤกษ์ที่เหมาะกับการจัดงานมงคลสำหรับคนที่อยากได้ความมั่นคงทั้งการอยู่อาศัย การทำงาน ทำธุรกิจต่าง ๆ เช่น การปลูกสร้างอาคาร การยกศาลพระภูมิ เปิดตัวสินค้า เปิดธุรกิจ การทำบุญให้กับที่ดิน ที่การเกษตร
เทวีฤกษ์ คือ ฤกษ์ที่เหมาะในการเข้าหาผู้ใหญ่ เข้าหาผู้มีอำนาจบารมี รวมถึงการแต่งงาน หมั้นหมาย เปิดตัวร้านค้า เปิดตัวสินค้าในกลุ่มความหรูหรา ความสวยความงาม ขึ้นบ้านใหม่ เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มเสน่ห์ มีคนรักใคร่ โชคลาภเข้าหา
ราชาฤกษ์ คือ ฤกษ์ที่เหมาะในการทำพระราชพิธี การเมือง หรือถ้าคนทั่วไปก็สามารถใช้ฤกษ์นี้เพื่อขึ้นบ้านใหม่ งานแต่ง งานหมั้น การเข้าหาผู้ใหญ่ เชื่อว่าจะทำให้เกิดบารมีมหาศาล มีอำนาจวาสนาในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ
.
ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล เดือนกรกฎาคม
1. วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม 2566
เวลา 09.20 – 10.14 น. เป็นมหัทธโนฤกษ์
เวลา 11.04 – 11.54 น. เป็นภูมิปาโลฤกษ์
ยกเว้น ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ไม่ควรใช้ฤกษ์นี้
2. วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม 2566
เวลา 06.21 -07.11 น. เป็นราชาฤกษ์
เวลา 09.14 – 10.14 น. เป็นมหัทธโนฤกษ์
เวลา 11.04 – 11.54 น. เป็นภูมิปาโลฤกษ์
ยกเว้น ผู้ที่เกิดวันจันทร์และวันอังคาร ไม่ควรใช้ฤกษ์นี้
3. วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม 2566
เวลา 09.11 – 10.06 น. เป็นมหัทธโนฤกษ์
เวลา 10.56 – 11.46 น. เป็นภูมิปาโลฤกษ์
เวลา 12.36 – 13.26 น. เป็นเทวีฤกษ์
เวลา 14.16 – 15.06 น. เป็นราชาฤกษ์
ยกเว้น ผู้ที่เกิดวันจันทร์และวันพุธ (กลางคืน) ไม่ควรใช้ฤกษ์นี้
4. วันพุธที่ 12 กรกฎาคม 2566
เวลา 08.59 – 09.49 น. เป็นมหัทธโนฤกษ์
เวลา 10.39 – 11.29 น. เป็นภูมิปาโลฤกษ์
เวลา 12.19 – 13.09 น. เป็นเทวีฤกษ์
เวลา 13.59 – 14.49 น. เป็นราชาฤกษ์
ยกเว้น ผู้ที่เกิดวันพุธ (กลางคืน) และวันเสาร์ ไม่ควรใช้ฤกษ์นี้
5. วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม 2566
เวลา 08.53 – 09.48 น. เป็นมหัทธโนฤกษ์
เวลา 10.38 – 11.28 น. เป็นภูมิปาโลฤกษ์
เวลา 12.18 – 13.08 น. เป็นเทวีฤกษ์
เวลา 13.58 – 14.48 น. เป็นราชาฤกษ์
ยกเว้น ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ไม่ควรใช้ฤกษ์นี้
6. วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2566
เวลา 08.51 – 09.46 น. เป็นมหัทธโนฤกษ์
เวลา 10.36 – 11.25 น. เป็นภูมิปาโลฤกษ์
เวลา 12.15 – 13.07 น. เป็นเทวีฤกษ์
เวลา 13.58 – 14.49 น. เป็นราชาฤกษ์
ยกเว้น ผู้ที่เกิดวันจันทร์และวันอังคาร ไม่ควรใช้ฤกษ์นี้
7. วันพุธที่ 19 กรกฎาคม 2566
เวลา 09.06 – 09.59 น. เป็นมหัทธโนฤกษ์
เวลา 10.49 – 11.39 น. เป็นภูมิปาโลฤกษ์
เวลา 12.29 – 13.19 น. เป็นเทวีฤกษ์
เวลา 14.09 – 14.59 น. เป็นราชาฤกษ์
ยกเว้น ผู้ที่เกิดวันพุธ (กลางคืน) และวันเสาร์ ไม่ควรใช้ฤกษ์นี้
8. วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม 2566
เวลา 09.02 – 09.57 น. เป็นมหัทธโนฤกษ์
เวลา 10.47 – 11.37 น. เป็นภูมิปาโลฤกษ์
ยกเว้น ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ไม่ควรใช้ฤกษ์นี้
9. วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2566
เวลา 08.39 – 09.34 น. เป็นมหัทธโนฤกษ์
เวลา 10.24 – 11.14 น. เป็นภูมิปาโลฤกษ์
เวลา 12.04 – 12.54 น. เป็นเทวีฤกษ์
เวลา 13.44 – 14.34 น. เป็นราชาฤกษ์
ยกเว้น ผู้ที่เกิดวันอังคารและวันพฤหัสบดี ไม่ควรใช้ฤกษ์นี้
----------------------------------
ความเชื่อเรื่องฤกษ์มงคล
ความเชื่อเกี่ยวกับฤกษ์มงคลมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฤกษ์ในการกระทำใดๆ หรือในวันสำคัญต่างๆ ก็ตาม เช่น ฤกษ์งานแต่งงาน ฤกษ์วันขึ้นบ้านใหม่ และในปัจจุบันก็มีฤกษ์วันออกรถด้วย ฤกษ์มีความหมายว่าการมองดู การพิจารณาหาวันและเวลาที่เหมาะสมแก่การประกอบพิธีมงคลนั้นๆ โดยจะเรียกว่า “ฤกษ์งามยามดี” ก็ต่อเมื่อทุกอย่างสมบูรณ์ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นวัน เวลา สถานที่ บุคคล และสิ่งของประกอบการทั้งหลาย แต่หากมีอะไรที่ยังขาดจะถือว่าเป็นฤกษ์ไม่ดีนั่นเอง
การหาฤกษ์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
ฤกษ์ในทางโลก ฤกษ์ประเภทนี้จะดูจากการที่วันประกอบไปด้วยส่วนดีมากทึ่สุดและส่วนเสียน้อยที่สุด โดยส่วนดี ได้แก่ การเป็นเดช เป็นศรี เป็นมูละ เป็นอุตสาหะ เป็นมนตรี เป็นราชาฤกษ์ เป็นเทวีฤกษ์ เป็นมหัทธโนฤกษ์ เป็นต้น และส่วนเสีย ได้แก่ เป็นอุบาทว์เป็นโลกาวินาศ เป็นกาลกรรณี เป็นอริ เป็นมรณะ เป็นวินาศ เป็นต้น วันไหนที่ส่วนดีมากที่สุดและส่วนเสียน้อยที่สุดก็จะถือเป็นฤกษ์ที่เหมาะกับการประกอบพิธีมงคลนั้นๆ
ฤกษ์ในทางธรรม ฤกษ์ประเภทนี้จะอิงจากคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก คือการยึดการทำความดีเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการประพฤติทำความดีทั้งกายวาจาใจ เมื่อนั้นก็ชีวิตก็จะเกิดความเจริญรุ่งเรื่องนั่นเอง
ความหมายของฤกษ์
ก่อนที่จะเลือกวันมงคลตามที่ต้องการ เราควรมาดูความหมายของฤกษ์ต่าง ๆ กันก่อน เพื่อจะได้ทำความเข้าใจว่าฤกษ์แต่ละยามส่งผลต่อชีวิตเราอย่างไรบ้าง ดังนี้
ดิถีมหาสิทธิโชค: ความสำเร็จผลอย่างเต็มที่ดีมาก สำหรับงานที่มีโครงการระยะยาว วันให้ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เป็นดิถีที่ดีรองลงมา ดิถีความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เหมาะแก่การมงคล ดีสำหรับงานสำคัญ โดยเฉพาะโครงการระยะสั้น ใช้ได้ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม แต่ที่นิยมถือกันว่าข้างขึ้นดีกว่าข้างแรม
ดิถีอำมฤตโชค: อำนวยให้ได้รับโชคลาภสำเร็จผลตามที่กำหนดไว้การมีอายุยืน วันไม่ตาย เป็นวันทิพย์ เป็นดิถีดีที่สุด ดิถีความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ดิถีทิพย์ เหมาะแก่การมงคล ดีสำหรับงานทั่วไปเกี่ยวกับความราบรื่นและสบาย ใช้ได้ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม แต่ที่นิยมถือกันว่าข้างขึ้นดีกว่าข้างแรม
ดิถีสิทธิโชค: ความสำเร็จสมปรารถนาดีสำหรับงานสำคัญที่เป็นโครงการระยะสั้น วันให้ความสำเร็จ วันโชคดี วันให้ลาภผล เป็นดิถีที่ดีรองลงมา เหมาะแก่การมงคล ดีสำหรับงานที่เป็นโครงการระยะยาว ใช้ได้ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม แต่ที่นิยมถือกันว่าข้างขึ้นดีกว่าข้างแรม
ดิถีชัยโชค: ทำการแข่งขันได้ชนะงานนี้ต้องต่อสู้แข่งขัน วันแห่งชัยชนะ วันทำให้เกิดความภูมิใจ วันได้รับความสำเร็จจากการต่อสู้ เป็นดิถีที่ดีรองลงมา เหมาะแก่การมงคล ดีสำหรับงานที่ต้องต่อสู้แข่งขันหรือรบทัพจับศึก ใช้ได้ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม
ดิถีราชาโชค: ให้ผลถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ดีสำหรับงานต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ วันได้รับชัยชนะด้วยบารมี เป็นดิถีที่ดีรองลงมา เหมาะแก่การมงคล ดีสำหรับงานที่ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ ใช้ได้ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม
.
แชร์เก็บได้เลยค่ะ
Comments