วิธีรับมือกับพลังเร้นลับ
วิธีรับมือกับพลังเร้นลับ
6 วิธีรับมือกับพลังเร้นลับ
เคยมั๊ยเวลานั่งๆอยู่รู้สึกเหมือนมีใครมอง อยู่คนเดียวแต่เหมือนมีคนอื่นอยู่ด้วย หรือนอนไม่หลับมีพลังงานบางอย่างอยู่ด้วย ทำให้ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิต สุขภาพและการทำงาน ไม่ต้องกลัวค่ะ ทำแบบนี้รับรองว่าหายกลัวแน่ และเค้าก็รู้สึกดีกับเราด้วย ( ถ้ามีอยู่จริง )
1 ติดแสงสว่างบริเวณทางเดิน ไฟเป็นพลังงานหยาง วิญญาณเป็นพลังงานหยิน พลังงานหยางที่มากจะขับไล่พลังงานหยินได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ต้องถึงกับเปิดไฟนอนนะคะ อาจทำให้วิญญาณไม่มากวนแต่จะทำให้เราสุขภาพไม่ดีเพราะนอนไม่หลับแทน
2 ก่อนที่จะเข้าอยู่บ้านใหม่ หรือบ้านมือสอง ให้เอาถ่านทำกับข้าว ถ่านดำๆ ประมาณ 1/2 กิโล วางในถุงหรือตระกร้า แล้วเทเกลือที่เป็นเกลือทะเลแท้ๆ ห่อละ 3 บาท 5 บาท นี่แหล่ะค่ะดีมากๆ เทบนถ่าน นี่คือ 1 ชุด เอาหลายๆชุดวางไว้ตามมุมต่างๆของบ้าน ก่อนเข้าอยู่เป็นเวลา 1 สัปดาห์ จะช่วยดูดซับพลังงานที่ไม่ดี และขับไล่พลังงานหยิน ป้องกันสิ่งร้ายๆได้เป็นอย่างดี
3 ทำบุญ อุทิศส่วนกุศลไปให้ เพื่อเป็นการส่งดวงวิญญาณที่อาจต้องการไปเกิดแต่ยังมีบุญกุศลไม่มากพอ และเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ ให้เราแผ่เมตตาเป็นประจำ เมื่อก่อนที่บ้านอาจารย์มีวิญญาณอยู่ ในห้องนอนก็มี หลังจากที่สวดมนต์ทุกวัน เปิดเทปสวดมนต์ตลอดวัน และแผ่เมตตาให้เป็นประจำ เค้าก็ไม่อยู่แล้วค่ะ
4 ภายในบ้านให้เปิดเพลงฟัง ใช้เสียงเพลง หรือเสียงสวดมนต์ช่วยขับไล่พลังเร้นลับได้
5 ภายนอกบ้าน ควรแขวนโมบายโลหะ โมบายฮวงจุ้ย ที่มีการทำพิธีพุทธาภิเษก ปลุกเสกแล้ว และมีความหนาที่พอดี มีคลื่นเสียงก้องกังวาน จะช่วยทำให้สลายพลังงานที่ไม่ดี ให้ลดน้อยลง และป้องกันภัยให้เราได้
6 เปิดประตูหน้าต่าง ให้แสงสว่างส่องเข้ามาในบ้านได้อย่างเต็มที่ เพราะแสงแดดจะช่วยล้างพลังงานหยิน พลังเร้นลับได้เป็นอย่างดี สังเกตว่าที่ไหนมีแสงสว่างจ้าตลอดทั้งวัน มักไม่ค่อยมีข่าวว่ามีพลังเร้นลับ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ลองนำไปทำกันดูนะคะ
ถ้าให้ดี เมื่อเรารู้สึกว่าบ้านที่อยู่มีพลังงานเร้นลับบางอย่าง ควรนิมนต์พระมาทำบุญ เจริญพระพุทธมนต์ แผ่บุญบารมีให้เค้าเหล่านั้น ได้ไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่สูงกว่า จะดีที่สุดค่ะ
พบกับฮวงจุ้ยแก้ดวงได้ในครั้งต่อไป ค่ะ
*****************************************
บทความที่เกี่ยวข้อง
ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไรให้ได้ผล
ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไรให้ได้ผล
อธิษฐาน ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไรให้ได้ผล
เมื่อเรามีทุกข์ใจ ผิดหวัง หรือต้องการกำลังใจ ก็มักนิยมไหว้อธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ดลบันดาลในสิ่งที่เราต้องการ บางท่านก็ได้รับสมดังปรารถนา บางท่านก็ไม่ได้ อะไรคือสิ่งที่ทำให้สำเร็จ ? วันนี้อาจารย์เมย์มีเคล็ดลับที่ทำตามแล้วสมปรารถนาแน่นอนค่ะ
การอธิษฐานเป็นการสร้างพลังจิตให้เข้มแข็ง เป็นการตั้งเป้าหมายหรือจะเรียกว่า “ล็อคเป้าหมาย” ว่าเราจะทำสิ่งใดให้สำเร็จลุล่วงไป ถือเป็นเข็มทิศของจิตและชีวิตของคนๆ นั้น
อธิษฐาน แปลว่า ความตั้งใจมั่น หรือความตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำการให้สำเร็จลุล่วง จิตจะมีกำลัง เพราะแม้มีอุปสรรคก็ไม่ย่อท้อ เข้มแข็ง มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะทำให้สำเร็จ
สมัยก่อนการตั้งจิต “อธิษฐาน” ไม่ได้หมายถึงขออะไรจากใคร แต่หมายถึงการตั้งใจแน่วแน่ในการทำความดี แม้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อตั้งใจแล้วก็มั่นคงแน่วแน่ในการกระทำดังกล่าวจนบรรลุจุดมุ่งหมายหรือสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ เช่นตั้งใจว่าจะถือศีล ๕ หรือศีล ๘ ตลอดทั้งพรรษา หรือตั้งใจว่าจะทำสมาธิภาวนาทุกวัน หรือตั้งมั่นว่าจะใส่บาตรในวันพรุ่งนี้แล้วพรุ่งนี้ใส่จริง ก็ได้ทั้งสัจจะบารมีเพราะพูดจริงทำจริงและได้อธิษฐานบารมีเพราะตั้งมั่นในความดี
สัจจะบารมีและอธิษฐานบารมีนั้นเป็นสิ่งที่คู่กันเพราะถ้าหากขาดตัวใดตัวหนึ่งทั้งสองอย่างก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
>> อธิษฐานบารมีกับอ้อนวอนต่างกันอย่างไร? ตอบ อธิษฐานบารมีเป็นตั้งมั่นในความดี เรียกง่ายๆคือตั้งมั่นที่จะทำความดีละเว้นจากความชั่วแต่การอ้อนวอนนั้นเป็นการขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
*** 8 ปัจจัยที่ทำให้คำอธิษฐานสมหวังดั่งใจ ***
1.พลังจิตที่บริสุทธิ์สะอาด เป็นพลังสำคัญที่สุด ทำได้ด้วยการสร้างบุญ จากการทำทาน ศีลและภาวนา ละความโลภ โกรธ หลง ยิ่งสะสมทำไปเรื่อยๆจิตจะผ่องใสขึ้นอย่างแน่นอน
2.บุญบารมีที่ได้ทำมา ไม่ว่าจะเป็นบุญเก่าและบุญใหม่ จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้อธิษฐานและเป้าหมายที่ต้องการ ยิ่งสิ่งที่เราต้องการได้มายากลำบาก ยิ่งใหญ่ สำคัญ มากขนาดไหน บุญบารมีที่สะสมไว้นั้นยิ่งต้องมีมากตามไปด้วย 3.จุดประสงค์แห่งการอธิษฐาน ต้องเป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นถูกต้องทางธรรมไม่ขัดแย้งกัน การอธิษฐานนั้นจึงจะมีความสัมฤทธิ์ผลได้ แต่ถ้าความต้องการของเรา ต้องไปทำลาย ทำร้ายคนอื่น ไม่ใช่การอธิษฐานที่ถูกต้องแต่เป็นการสาปแช่ง ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง
4.อย่าอธิษฐานให้เกินบุญของตน หลายคนอธิษฐานแล้วไม่ได้ผลเลย อาจจะอธิษฐานที่เกินบุญที่ตัวเองมี เช่น อธิษฐานขอให้ถูกหวยรางวัลที่ 1 แต่บุญของตนนั้นไม่พอที่จะได้ลาภใหญ่แบบนั้น เพราะว่าเกิดมาไม่เคยทำทาน ไม่เคยให้อะไรผู้ใด เหมือนคนมีเงินอยู่ 10 บาทแต่อยากจะเปิดร้านค้าใหญ่โตซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ หรือได้มาก็มีเหตุให้เสียเงินทั้งหมดไป หรือเสียชีวิต ดังนั้นต้องทำเหตุให้ตรงเสียก่อน รู้ว่าบุญไม่พอก็เร่งสร้างบุญให้พอ เรื่องนี้อาจจะยากสำหรับคนบางคน เพราะคนกำลังเดือดร้อนมากมักจะอยากให้ได้อะไรเร็ว ควรอธิษฐานในสิ่งที่เป็นไปได้แล้วค่อยๆ ขยับขึ้นตามบุญที่สะสมไป
5.ต้องทำเหตุให้ตรงกับสิ่งที่อธิษฐานขอไว้ (เป้าหมาย) หลายคนอธิษฐานแล้วไม่ได้ผลเพราะไม่ลงมือทำให้เหตุนั้นตรงกับเป้าหมายที่อยากจะได้ เช่น อธิษฐานขอให้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี แต่ขี้เกียจ ไม่เคยลุกขึ้นมาทำมาหากิน ไม่เคยลงมือทำงานอย่างเต็มที่ หรือลงมือทำแต่ก็ไม่เคยตั้งใจทำ แล้วจะรวยไปได้อย่างไร นอกจากว่าจะบุญเก่าสนับสนุนมากพอจริงๆ ถึงจะได้ ซึ่งก็นับว่ายากเต็มทีหากในปัจจุบันไม่เคยสร้างคุณงามความดีหรือทานบารมีใดๆไว้เลย
6. การอธิษฐานขอบุญกับจากครูบาอาจารย์ หรือท่านผู้ทรงคุณความดี บางครั้งกำลังบุญบารมีที่เราสะสมมามีไม่มากพอ สามารถร่วมบุญกับผู้ปฏิบัติดี ทำความดีได้ด้วยการ 6.1 ไปทำบุญกับท่านโดยตรง ด้วยปัจจัย 4 หรืออะไรที่อำนวยความสะดวกให้ท่านสะสมได้บุญมากขึ้น 6.2 ไปร่วมทำบุญกับท่าน หากทราบว่ามีงานบุญอะไรก็ไปร่วมงานกับท่าน 6.3 อนุโมทนาในบุญที่ท่านทำ เมื่อเราเห็นหรือทราบข่าว่าท่านสร้างบุญกุศลเรา เราก็ร่วมยินดีในบุญที่ท่านทำ เพียงกล่าว “ ขออนุโมทนาบุญที่ท่านทำ” เราก็ได้บุญแล้ว เพียงแต่อาจจะได้ไม่เท่าที่ท่านทำเพราะเราไม่ได้สร้างเอง
7. ขออโหสิกรรม ที่เคยล่วงเกินผู้อื่นไว้ ปลดล็อกตนเองด้วยการขออโหสิกรรมจากครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลายคนที่พยายามสร้างและกระทำซึ่งคุณงามความดีมากมายแต่บางทีก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จมากดังที่ตั้งใจไว้เพราะมีกรรมในอดีตติดตัวมาเยอะ โดยเฉพาะกรรมกับพระรัตนตรัย คุณพ่อคุณแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ถือเป็นกรรมหนัก
ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาบอกวิธีแก้ไขเอาไว้ว่า ในทุกครั้งที่ทำการสวดมนต์ให้ทำการสวดขอขมาพระรัตนตรัยเสียก่อนดังนี้
คำขอขมาพระรัตนตรัย
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ว่า 3 จบ)
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต้ อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ
“หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย คุณพ่อคุณแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย คุณพ่อคุณแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดงดโทษอโหสิกรรม ให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ”
จากนั้นให้นำดอกไม้ถ้าเป็นดอกบัว 3 ดอกจะยิ่งดีขึ้น ให้ไปกราบขอขอขมาต่อหน้าองค์พระพุทธรูปที่เป็นประธานในโบสถ์วัดใดก็ได้ หรือจะทำที่บ้านก็ได้เลือกเอาที่เป็นวันพระ ขึ้น 15 ค่ำ ยิ่งเป็นวันพระใหญ่จะยิ่งดีมากขึ้น เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา เป็นต้น
จากนั้นให้กล่าวขออโหสิกรรม และตั้งสัจจะอธิษฐานจะไม่ทำอีก ขอเมตตาจากท่านให้ช่วยเจริญในธรรมสูงขึ้น ให้มีจิตที่มั่นคงในการสำรวมกาย วาจา ใจ อย่าได้ด่างพร้อย และต้องพยายามรักษาศีล 5 ทำสมาธิ ตั้งใจทำไปเรื่อยๆ
8.ได้แล้วต้องรู้จักแบ่งบัน เมื่อเราอธิษฐานขอพรไปแล้ว สิ่งที่ไม่ควรลืมคือ การแบ่งปันอุทิศส่วนบุญที่เราได้ทำไว้ให้แก่สรรพสัตว์ต่างๆ ที่เราอยากให้เขาได้รับ ไม่ว่าจะเป็นเทวดาประจำตัว เจ้าที่บรรพบุรุษ บิดา-มารดา ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร หรือวิญญาณก็ได้
หลักการง่ายๆ ทั้ง 8 ข้อนี้ หากได้เอาไปปฏิบัติตามก็จะส่งผลให้ทุกท่านประสบกับสิ่งดีๆ สมหวังดั่งคำอธิษฐานแน่นอน สาธุ…
Comments